มาเถอะพี่น้องชาวราชภัฏ

บล็อกนี้เป็นความตั้งใจอย่างหนึ่งของผู้สร้างที่มุ่งเน้นจะนำความรู้จากหลายๆแหล่งมารวบรวมเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้เลือกสรรกันตามความสนใจ

วันเสาร์

Week 15 (18 Fab 2011)
Clause อนุประโยค
Adjective Clause หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Relative Clause
The women is a worker who has been cleaning the street for 26 years.

ประโยคที่มี Relative คือ Adjective Clause
ถ้าเราจะเปลี่ยนให้เป็น Adjective Phrase ก็สามารถทำได้โดย ตัด Relative Pronoun คือ Who และ ตัด Tense : has been + V-ing ซึ่งถ้าประธานกระทำสิ่งนั้นเอง ให้เปลี่ยนเป็น V1 เติม –ing เช่น
The woman is a worker cleaning the street for 26 years.
ถ้าประธานทำหน้าที่กรรม ให้ละ Relative Pronoun ก็จะกลายเป็น Adjective Phrase ทันที เช่น
The boy whom you saw yesterday is my friend. เป็น The boy you saw yesterday is my friend.
ถ้าประธานถูกกระทำ Verb ต้องเติม –ed เช่น
The language center which is situated at NSTRU is very big building.
เป็น The language center situated at NSTRU is very big building.
Week 14 (11 fab 2011)
การที่เราจะเรียนภาษาให้มีประสิทธิภาพที่ดีนั้น เราไม่เพียงแค่มุ่งเน้นในวิชาเรียนที่เรียนอยู่ ณ ปัจจุบัน แต่เราจำเป็นจะต้องมี bridging นั้นคือสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างวิชาที่เรียนอยู่กับวิชาต่อไป ซึ่งเราจะต้องมีการเตรียมภาษา โดยเฉพาะภาษาพูดให้ดี เราสามารถทำได้โดยการหา strategy กลยุทย์ในการสร้างเสริมความสามารถในด้านภาษา ซึ่งจะมีอยู่ 2 ช่องทาง นั้นก็คือ 1. จัด Exposure คือจัดสภาพตัวเองให้อยู่ในบรรยากาศ หรืออยู่ร่วมกับเจ้าของภาษา ซึ่งจะเป็นการเรียนแบบ Learning Acquisition คือเรียนรู้แบบธรรมชาติ โดยเจ้าตัวไม่รู้ตัวและจะเป็นหนทางในการเรียนภาษาที่ดีที่สุด 2. การเรียนรู้แบบ Learning เป็นการเรียนรู้แบบ Conscious คือเรียนรู้แบบรู้ตัว ซึ่งจะทำให้เกิด Intrinsic motivation คือแรงจูงใจจากภายใน ทั้งสองวิธีการนี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนภาษาให้ดียิ่งขึ้น เพราะมันจะมีผลต่อรายวิชาต่อๆไป เช่นวิชา การจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ในวิชานี้จะต้องใช้ทักษะทุกเรื่อง และเรื่องราวทุกเรื่องในภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงจะสามารถจัดการเรียนรู้ที่ดีได้ ซึ่งเมื่อเราออกไปสอนให้นักเรียน เราจำเป็นจะต้องมีทั้ง 4 Mind ก่อน คือ Critical Mind ความสามารถในด้านการคิด Creative Mind ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ Productive Mind ความสามารถในการผลิตสิ่งใหม่ และ Responsible Mind ความสามารถในการตอบสนอง ซึ่งเราจะต้องมีและจำเป็นจะต้องให้นักเรียนของเรามีด้วย เพื่อสร้างให้พวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
Week 13 (4 fab 2011)
เป็นการเสนอแนะหนทางในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดในองค์ความรู้เดิมที่มีอยู่ เป็นการให้เว็บไซต์ที่ช่วยฝึกให้เราได้พัฒนาตนเอง นั้นคือ Rachelsenglish.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ฝึกการออกเสียง จะทำให้เราสามารถออกเสียงได้ดีขึ้น
Week 12 (18 Jan 2011)
วันนี้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง อาทิ
เรื่องที่หนึ่ง เว็บที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น http://news.yahoo.com/entertainment/dear-abby ซึ่งเว็บไซต์นี้จะเป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนสามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นได้ทุกคน ไม่ว่าจะแสดงความคิดเห็นในด้านใดก็ตาม
เรื่องที่สอง วิธีที่นักศึกษาสามารถเพิ่มความรู้รอบตัวหรือ knowledge of the world ก็คือ การศึกษาหาความรู้ในด้านเนื้อหาสาระอื่นๆที่นอกเหนือจากสาขาวิชาที่กำลังเรียนหรือศึกษาอยู่
เรื่องที่สาม Syntax and Grammar แตกต่างกันอย่างไร
- Syntax คือ เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับโครงส้รางประโยคว่าใช้อย่างไรและใช้แบบใด
- Grammar คือ เป็นการเรียนเกี่ยวกับกฎการใช้ภาษาอังกฤษ เช่น tense, part of speech, active, passive voice etc.
เรื่องที่สี่ Noun Phrase (นามวลี)
- แม่ของฉันเป็นครู
My mother is a teacher.
- รัฐบาลเตรียมยุบสภา
The government dissolf the parliament.
- พระราชวังนี้สร้างขึ้นในปี
The palace was built in 1912.
- บ้านโน้นดูใหญ่มาก
That house looks so big. or That house is very big.
Week 6 (17 Dec 2010)
ในการเรียนภาษาอังกฤษนั้น ควรที่จะมีพื้นฐานทางภาษาที่ค่อนข้างเยอะซึ่งบางคนนั้นมีไม่มาก ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนเป็นอย่างมาก แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีหนทางหลายหนทางที่เราจะสามารถศึกษาได้ด้วยตนเองโดยผ่านเว็บไซต์ เช่น Iearn, ello ซึ่งเป็นเว็บเกี่ยวกับการฝึกทักษะการฟัง มีทั้งเป็นเรื่องราวและเป็นเพลง UIOWA.EDU เป็นเว็บเกี่ยวกับการฝึก Phonetics www.wearebusybeavers.com มีเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับภาษาอังกฤษให้เราได้เรียนรู้หลายเรื่อง และมีอีกหลายๆเว็บไซต์ที่เราสามารถจะฝึกฝนตัวเองให้สามารถเป็นผู้เรียนภาษาอังกฤษที่ดีได้
ในส่วนของเนื้อหา จะกล่าวในเรื่องของ If clause ซึ่งเป็นประโยคที่คิดขึ้นเอาเองว่าถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็จะเป็นอย่างนี้ ซึ่งคำกริยาจะเป็นตัวบอกความหมาย ทั้งในปัจจุบันและอดีต
If clause มีหลายประเภทเช่น
1. Present / real เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน และเป็นไปได้
รูปประโยค If+V1+will,can,may,should,must+V1
2.Present / unreal (impossible) เป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน แต่ไม่เป็นความจริง (เป็นความปราถนา)
รูปประโยค If+V2+would,could,might+V1
3.Past / unreal เป็นสิ่งซึ่งเกิดในอดีตและเป็นไปไม่ได้
รูปประโยค If+had+V3+Modol+have+V3

วันพฤหัสบดี

Week 4 [3 Dec 2010]

วิชาการแปล 2 เป็นวิชาที่ต่อจากการแปล 1 ที่เป็นการฝึกแปลจากภาษาอังกฤษเป็นไทย โดยวิชานี้จะเป็นการแปลจากภาษาไทยเป็นอังกฤษ และจะมีความยากและซับซ้อนมากกว่า ซึ่งผู้เรียนนั้นจะต้องมีความรู้ในเรื่องของหลักไวยกรณ์ เป็นอย่างดี และในการแปลจากภาษาไทยเป็นอังกฤษนี้ ไวยกรณ์ที่มีการใช่บ่อยและจำเป็นจะต้องรู้มี 2 อย่างคือ Progreesive และ Perfective Aspect
Progreesive Aspect หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Continuous เป็นกาลในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน ซึ่งจะมีหลักการอยู่ ดังนี้
1. เป็นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น
She was sleeping หล่อนหลับยาว
2. เป็นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว แต่เกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ ตัวอย่างเช่น
The boy is hitting my dog with a stick. เด็กหนุ่มคนนั้นใช้ไม้ตีสุนัขของฉัน
3. เป็นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น
I am writing a book on global worming. ฉันกำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน
4. เป็นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เกิดชั่วคราว ตัวอย่างเช่น
She is living in London. หล่อนกำลังอยู่ที่ลอนดอน
5. เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่มีการวางแผนเกี่ยวกับสิ่งนั้นไว้แล้วในปัจจุบัน
She is flying to China tonight. หล่อนจะเดินทางไปประเทศจีนในคืนนี้

Week 2 [19 Nov 2010]

การเรียนการสอนภษาอังกฤษนั้น เป็นวิชาที่มีความซับซ้อนค่อนข้างมาก มีองค์ความรู้ที่จะต้องมีการเผยแพร่หลายๆองค์ความรู้ ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่ในการเผยแพร่องค์ความรู้เหล่านั้น แน่นอนจะต้องเป็นครู ซึ่งครูจะต้องมีคุณสมบัติในการที่เป็นผู้ซึ่งมีองค์ความรู้ที่ดีได้จะต้องมีคุณสมบัติที่ชัดเจนเหมือนกัน

การเป็นครูสอนภาษาอังกฤษนั้น ครูผู้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีคุณสมบัติ 4 ตัว และจะต้องสร้างคุณสมบัติเหล่านั้นให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียนให้ได้ คุณสมบัติดังกล่าวคือ 1. Critical Mind 2. Creative Mind 3. Productive Mind 4. Responsible Mind ซึ่งทั้ง 4 ตัวนี้มีความสำคัญและจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มี

1. Critical Mind หรือ Cognitive Domain เป็นกระบวนการหนึ่งซึ่งจะมีความเกี่ยวข้องกับสมอง ซึ่งคุณสมบัตินี้ ผู้สอนจะต้องมีการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และตีความ ซึ่งต้องใช้สมองเป็นส่วนสำคัญ และผู้สอนจะต้องฝึกสมองให้มาก โดยการฝึกคิดให้สมองได้มีการทำงาน เมื่อสมองมีการทำงานก็จะทำให้กระบวนการคิดของเรานั้นมีประสิทธิภาพยี่งขึ้น
2. Creative Mind จะเป็นในส่วนของ New Innovative ผู้สอนจะต้องมีการคิดอย่างสร้างสรรค์ สามารถคิดในกระบวนการที่มีความแปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี ซึ่งขั้นนี้นั้น จะต้องมีพื้นฐานมาจาก Critical Mind อย่างดีเสียก่อน ก็จะทำให้ในขั้นนี้สามารถสร้างสรรค์องค์ความรู้ใหม่มาได้อย่างน่าเชื่อถือ
3. Productive Mind เป็นขั้นที่เกี่ยวกับการสร้างชี้นงานหรือผลิตชิ้นงานขึ้นมา ซึ่งในการสอนนั้น สิ่งที่จะต้องผลิตขึ้นมาก็คือ ความรู้ที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ได้จริง โดยผู้สอนจะต้องมีการสร้างขึ้นมาแล้วทำให้ผู้เรียนได้ดูเป็นตัวอย่างหลังจากนั้นก็ พยายามกระตุ้นให้ผู้เรียนได้ได้มีการปฏิบัติตาม
4. Responsile เป็นขั้นที่เกี่ยวกับ หน้าที่ ความรับผิดชอบที่จะต้องทำ ผู้สอนจะต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด และจะต้องใส่ใจในหน้าที่ ซึ่งเมื่อผู้เรียนได้เห็นในการกระทำดังกล่าวก็จะคิด และอาจจะนำมาเป็นแบบอย่างได้
คุณสมบัติที่จะต้องมีทั้ง 4 ตัวนี้ เป็นสิ่งที่ผู้ทีต้องการจะเป็นครูทุกนั้ต้องมี ดังนั้น ในขณะที่เรากำลังศึกษาอยู่ก็สามารถที่จะฝึกในคุณสมบัติเหล่านี้ได้ เพื่อที่จะได้เป็นนิสัยและสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นธรรมชาติของตนเอง